“พี่ม่อนคะตอนนี้หนูทุกข์ใจมากๆเลยค่ะ หนูซิ่วแล้วแอดมิสชั่นใหม่และผลแอดมิสชั่นก็ประกาศออกมาแล้วในวันที่ 04-05-54 ที่ผ่านมา หนูไม่ติดสาขาที่หนูต้องการเรียนอีกแล้วค่ะ แต่มาติดอีกสาขาหนึ่งที่ลงไว้สำรองในอันดับที่ 4 ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมีเพื่อนที่เรียนในสาขาอยู่แล้ว และเห็นว่าเพื่อนเขาเรียนง่ายๆ สบายๆ (ทั้งๆที่เป็นสาขาที่เขาไม่ได้ชอบเหมือนกัน) เราก็คงเรียนได้อยู่แล้วแหละ
พอได้เจอหนังสือ “ฟังเสียงหัวใจ เรียนอะไรที่ใช่เรา” ได้อ่านได้ลองทำแบบทดสอบแล้วก็พบว่าสาขานี้มันไม่ใช่ตัวหนูเลยสักนิด นั่งมองไปถึงอนาคตก็นึกไม่ออกว่าเราจะประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับสาขานี่ได้อย่างไร มันอึดอัดมากๆเลยค่ะ ตั้งแต่ประกาศผลออกมานั่งคิดตลอดเลย จะซิ่วอีกรอบดีไหมนะ แต่ก็คิดว่าเราจะมัวแต่ซิ่วไปตอลดไม่ได้หรอก ถ้าปีหน้าไม่ได้อีกล่ะ ไม่ได้ทำมาหากินอย่างอื่นพอดี
หนูควรทำอย่างไรดีคะพี่ม่อน”
—-
จะซิ่วหรือไม่ซิ่ว พี่ม่อนคงตอบแทนไม่ได้ เพราะเราต้องคิดถึงปัจจัยหลายอย่าง ความชอบ ความสามารถ ครอบครัว การเงิน และอื่นๆ
แต่สิ่งที่ต้องตระหนักไว้คือ
หนึ่ง การที่เราจะซิ่วหนึ่งหรือสองหรือสามปีนั้น จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก สำหรับตอนนี้ดูเป็นเรื่องใหญ่ เพราะชีวิตนักเรียนนักศึกษา การเีเรียนเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอไปทำงานแล้ว ทำไปเป็นสิบๆไป ยังไม่รู้เลยว่าอยากทำอะไรก็มี พอถึงตอนนั้นสองสามปี จะไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่หรอก
สอง เรียนได้ ไม่ได้แปลว่าจะทำมาหากินได้ดีเสมอไป ถ้าเราไม่ได้ชอบไม่ได้ทำได้ดี เราอาจจะไม่ได้มีข้อดีมากพอที่จะไปแข่งกับคนอื่นในfieldเดียวกันที่เขาชอบในสิ่งที่เขาทำ
สาม มองภาพให้กว้างขึ้น บางทีการซิ่วอาจไม่ได้เป็นทางเดียวในการเลือกทางเดินอาชีพก็ได้ ในบ้านเราการเรียนมหาวิทยาลัยค่อนข้างแคบ คือเหมือนเป็นการเลือกอาชีพไปเลย ทำให้เป็นปัญหาให้นักเรียนนักศึกษาว่าการเลือกคณะ คือ การเลือกอาชีพ แต่จริงๆแล้วเราเปลี่ยนอาชีพหลังจากเรียนจบก็ได้ เพียงแต่อาจจะดูเสียเวลาสักหน่อย ถ้าตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าเราจะทำอย่างไร ก็มองอะไรให้กว้างขึ้น เผื่อในอนาคตจะมีทางเลือกมากขึ้นหลังจากเรียนจบก็ได้
ขอให้โชคดีนะคะ
ครูม่อน