คำศัพท์คำนึงสามารถมีความหมายได้หลายแบบ วันนี้เรามารู้จักความหมายแบบ literal (ตรงตัว) กับ figurative (เปรียบเทียบ) กันดีกว่าค่ะ
Literal (adj.) แปลว่า มีความหมายตรงตัว
Figurative (adj.) แปลว่า มีความหมายแบบเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปไมย
ตัวอย่าง
1. During the practice trial, the athlete set a new record in the 110-meter hurdle race.
ความหมายประโยค: ในระหว่างการซ้อม นักกีฬาได้ทำสถิติใหม่ในกระโดดข้ามรั้วระยะ100เมตร
2. Coming from a very low-income background, he faced many financial hurdles.
ความหมายประโยค: เนื่องจากการที่มาจากปูมหลังที่ยากจน เขาต้องเผชิญกับความลำบากทางการเงินมากมาย
คำว่า hurdle นั้น เป็นคำนามที่แปลว่ากระโดดข้ามรั้ว เราจะเห็นได้ว่าในประโยคแรก คำนี้หมายความถึงการกระโดดจริงๆ
แต่ในประโยคที่สองนั้น ไม่ใช่การกระโดดจริงๆ แต่เป็นการเปรียบเทียบว่า ต้องข้ามผ่านอุปสรรคมากมาย (คล้ายๆกับการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง)
ถ้าเราไปเปิดดิกดูก็จะเจอความหมายทั้งสองแบบ
noun
1 an upright frame, typically one of a series, that athletes in a race must jump over.
2 an obstacle or difficulty: there are many hurdles to overcome.
ก็จะเห็นได้ว่า ความหมายแรกเป็น literal ส่วนอันที่สองเป็น figurative
การที่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง literal กับ figurative นั้นมาช่วยให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้นได้อย่างไร ?
ที่เห็นชัดก็คือว่า แทนที่เราจะต้องมาท่องว่า hurdle แปลได้สองอย่าง คือ กระโดดข้ามรั้ว กับ อุปสรรค เราแค่ทำความเข้าใจว่ามันเป็นความหมายเดียวกัน แค่แบบตรงตัว หรือแบบเปรียบเทียบก็พอแล้ว ทำให้เข้าใจคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ
อีกตัวอย่างนึงจากเพลง Try everything จากZootopia
I messed up tonight. I lost another fight.
I still mess up but I’ll just start again.
I keep falling down, I keep on hitting the ground.
I always get up now to see what’s next.
ในที่นี้เพื่อนๆคิดว่าเป็น literal หรือ figurative meaning คะ
ก็น่าจะเป็น figurative meaning ใช่ไหมคะ เพราะไม่ได้หมายความว่าตกลงพื้นแล้วลุกขึ้นมาจริงๆ แต่หมายถึงว่าทำผิดพลาดแล้วพยายามใหม่มากกว่า
ต่อไปเวลาเจอภาษาอังกฤษ ลองสังเกตดูนะคะว่าความหมายนั้นเป็นแบบ literal หรือ figurative ค่ะ