fbpx

การเขียน Academic Writing เร็วและดี ด้วย Templates

การเขียน Academic Writing

Share This Post

Share on email
Share on facebook
Share on twitter

การเขียน Academic Writing ด้วย templates นั้นทำให้เราเขียนทางวิชาการได้เร็วและดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ 

Writing templates คืออะไร? ครูมองว่า template คล้ายๆสูตรเลข คือ เป็นสูตรแล้วให้เราใส่คำของเราเข้าไป ให้ดูตัวอย่างจะเข้าใจง่ายที่สุดค่ะ 

By focusing on _____, X overlooks the deeper problem of _____ .   

(Graff & Birkenstein, 2006, p. 55)

ว่าง่ายๆก็คือ phrase หรือ sentence ที่เป็นสูตรมาแล้วให้เรานำไปปรับใช้ได้ ซึ่งการใช้ templates นี้เป็นวิธีง่ายๆที่นำไปใช้ได้ทันที ทำให้เราเขียนได้ดีขึ้น คิดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกมาก ทำให้ย่นระยะเวลาได้เยอะ (จะได้ส่งการบ้าน ส่งthesisได้ทัน จริงไหมคะ) วิธีการใช้ templates  ให้เป็น model ค่ะ คือ ให้ดู structure ของ template แล้วเปลี่ยนเป็นคำและเนื้อหาที่เหมาะสมกับงานของเรา ว่าง่ายๆคือใช้เป็น inspiration ค่ะ ปกติเราก็จะรู้อยู่บ้างแล้วว่าsynonymsมีอะไรบ้าง เราก็เอามาใช้แทนในtemplateได้ ประโยชน์ของ templates นั้นมีสองข้อใหญ่

  1. ช่วยจัดระเบียบความคิด เวลาที่เราฝึก academic writing ใหม่ๆ สิ่งที่เราไม่รู้ส่วนมากนั้นจริงๆไม่ใช่เรื่องแกรมมาหรือคำศัพท์ แต่เป็นเนื้อหา เป็นโครงสร้างมากกว่า คือ เราไม่รู้ว่าต้องเขียนอย่างไรเพื่อสื่อความคิดของเรา
  2. ช่วยให้เรานึกคำและวลีที่จะใช้ได้เร็วขึ้นค่ะ ปกติเวลาเขียน บางทีมันนึกไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไร จริงๆเรารู้นะว่าจะเขียนอะไร แต่บางทีมันนึกคำไม่ออกนึกประโยคไม่ออกจริงๆ การที่เรามี templates ที่เราสะสมไว้ จะทำให้เราเขียนได้เร็วขึ้นเยอะค่ะ 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม (extra credit for go-getters) นอกจากใช้ templates และ models ตามนี้แล้ว ครูม่อนยังแนะนำให้รวบรวม phrases ที่เราอ่านเจอในpaper ของสาขาเราด้วยค่ะ เพราะว่าในแต่ละสาขาจะมีการเขียนที่แตกต่างกันบ้าง ถ้าเราหัดสังเกตและจดphrases จดsentencesที่เราอ่านเจอ เวลาเราจะเขียนเราก็จะได้ style ที่เหมาะกับสาขาเราค่ะ 

ตัวอย่าง templates 

ครูได้รวบรวม templates ที่น่าจะได้ใช้บ่อยๆมาไว้ตรงนี้ จะได้ดูกันง่ายๆนะคะ

Establishing a research territory

เวลาจะเขียนงานวิจัย เราก็ต้องอธิบายก่อนว่าเรื่องที่เราจะเขียนนั้นมีงานวิจัยอะไรมาแล้วบ้าง มีความรู้อะไรแล้วบ้าง ลองใช้ template เหล่านี้เป็น model ในการเขียนได้ค่ะ 

In recent years, researchers have become increasingly interested in _____ .

Numerous studies have investigated _____ .

_____ has been extensively researched.

_____ has been widely studied due to ____ . 

A number of recent studies have examined/focused on/reported that/suggested that ____ . 

Recent studies have explored the ….

use of _____ as _____ .

impact of _____ on _____.

differences/similarities between _____ and ______ .

roles of ______ in ______.

Ample evidence exists …

regarding ____ .

to support the view that ____ 

to suggest a connection between ____ and ____ . 

Describing research gaps

เวลาเขียนงานวิจัย เราก็ต้องบอกว่า research gaps คืออะไร เพื่อ justify ว่าทำไมงานวิจัยของเราถึงมีประโยชน์ ลองใช้ templates ต่อไปนี้ค่ะ

There is limited research investigating ____ . 

Few studies have investigated the impact of ___ . 

To date, no study has looked specifically at ____ .

Previous studies have overlooked _____.

Existing research has focused on ____ but failed to explore ____. 

A number of studies have shown that _____. However, important questions regarding ____ remain unanswered.

Stating your objectives

ไม่ว่าจะ proposal หรือ thesis เราก็ต้องบอกว่าเป้าหมายของเราคืออะไร และต้องให้ละเอียดด้วย ยิ่งละเอียดยิ่งทำให้เราทำวิจัยง่ายขึ้น เขียนได้ง่ายขึ้นค่ะ

This study provides an overview of ___ .

This study addresses the issue of ____ .

This study attempts to establish a connection between ___ and ____ .

This study provides detailed information on ____.

This study offers an analysis of ____ .

This study explores the differences/similarities between  ____ and ____ .

This study sought to assess/describe/shed light on _____ .

This aim of this study is/was to ….

address the issue of _____ .

evaluate the effectiveness of _____ .

identify the characteristics of _____ . 

discuss the extent to which _____ .

determine whether _____ .

The focus of this study is _____ .

The primary goal of this research is ____ . 

The purpose of this study is to ….

determine ____

evaluate ____

explore ____

advance the understanding of _____

Describe the scope and organization of your paper

การเขียน paper ให้อ่านง่าย  เราต้องให้ overview ว่าpaperเราจะมีอะไรบ้าง และเรียงลำดับอย่างไร เพราะว่างานวิจัยนั้นมักจะซับซ้อนเข้าใจยากอยู่แล้ว เราต้องช่วยให้คนอ่านอ่านได้ง่ายที่สุด (ตอนที่เราเป็นคนอ่านเอง เราก็รู้สึกดีใจเวลาคนเขียนเขียนให้อ่านง่าย จริงไหมคะ)

This paper provides an overview of …..

findings from recent _____ .

issues relating to ____ .

the effect of _____ on _____ .

current research on _____ .

This paper ….

is divided into ____ sections.

is organized into _____ sections.

consists of _____ parts.

Section ____ provides …..

an overview of _____ .

a brief introduction to  ______ .

a concise analysis of  ______ .

background information on ____ .

Literature review

Literature review สำคัญมาก และมักจะโดนสั่งให้ทำบ่อยด้วยเวลาเรียน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำวิจัย ในวิชาเรียนก็มักจะสั่งให้ทำ เพราะว่าทำให้เราเข้าใจเนื้อหาและความรู้ในสาขาได้ลึกซึ้ง แต่เวลาเราเขียนเราจะเขียนอย่างไรได้บ้าง ลองดูตัวอย่างกันค่ะ Templates ที่พูดถึงภาพรวมของ literature ใน topic นั้นๆ

A number of researchers have  ……

investigated ____ .

examined the role of ___.

found evidence that ____.

argued that _____ .

proposed theories to explain ____ .

emphasized the importance of ____ .

acknowledged the fact that _____ .

Recent research on _____ suggests _____.

Current research seems to indicate that _____ .

The existing literature emphasizes _____ .

Empirical evidence has supported the claim that ____ . 

A number of researchers have recently suggested that _____ .

Most of the literature suggests that _____ .

Researchers have raised questions about ____ .

Prior research suggests that _____ . 

A recurrent theme in the literature is ____ . 

A number of hypotheses concerning _____ has been advanced by several researchers. 

Templates ที่ระบุว่าใครพูด นอกจากการพูดถึง literature ในภาพรวมแล้ว เรายังต้องกล่าวถึงงานเฉพาะของนักวิจัยแต่ละคนแต่ละกลุ่มด้วย ลองใช้ templates ต่อไปนี้ค่ะ  ถ้าแบบง่ายที่สุดก็คือบอกว่าใครพูดอะไร แต่ใน academic writing นั้นเราต้องหัดใช้คำที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า say ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าใช้ said ไม่ได้นะคะ แต่เราต้องอย่าลืมว่าในหลายๆครั้งเราต้องอธิบายให้ละเอียดกว่าการที่จะบอกว่าเขาพูดอะไรไว้

X (2010)  …………………         that ______

says 

argues

acknowledges

demonstrates 

In her discussion of _____, X       …………………..     that _______ .

argues

acknowledges

demonstrates 

แต่แค่นี้ยังไม่พอ เราจะบอกแค่ว่าใครสรุปอะไรไว้ไม่ได้ เราต้องบอกด้วยว่าสิ่งที่เขาพูดไว้นั้นมันมีความสำคัญอย่างไร มีความสัมพันธ์กับหัวข้อที่เราจะทำอย่างไรบ้าง

The notion of _____ is supported by the research of X. 

These conclusions, which X discusses in  _____ , support the argument that ____.

X determined that ______ has a considerable effect on _____ .

A study by X  …………………..

advances the notion that _____ . 

draws a connection between _____ and _____.

demonstrates the effect of ____ on _____ .

presents a clear explanation of _____.

presents a strong argument that _____.

tests the effectiveness of ______ .

reveals that _____ is two times more efficient than _____ .

จะเห็นได้ว่าการที่จะ reference งานของคนอื่นให้ได้ดีนั้น เราควรจะระบุความสำคัญของงานเขาด้วย เช่น support argument อะไร, draw a connection ระหว่างปัจจัยอะไร เป็นต้น ซึ่งการที่เราต้องเขียนละเอียดแบบนี้ยังเป็นการบังคับให้เราทำความเข้าใจงานของคนอื่นให้มากขึ้น (ถ้าเราไม่เข้าใจก็เขียนไม่ได้) ซึ่งครูม่อนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เหตุผลนี้แหละที่ทำให้ครูคิดว่ายิ่งเขียนเราก็ยิ่งเรียนรู้มากขึ้น คือ write to learn  นั่นเอง

Discussion and Conclusion

เวลาเขียน findings ของงานเราเองนั้น เขียนอย่างไรได้บ้าง มาดูตัวอย่างกันค่ะ

The study’s findings     ………………..    ____________

suggest 

underscore 

illustrate

emphasize 

จากนั้นเราก็อธิบายให้ลึกขึ้นว่า findings ของเราเกี่ยวข้องอย่างไรกับ literature ที่มีอยู่แล้ว

These findings differ from ______ .

This result does not support the previously published study.

The findings are consistent with prior research that _____ . 

The finding fits with the patterns described previously by X. 

Results obtained by X are consistent with our findings. 

จะเห็นได้ว่าการใช้ templates พวกนี้จะบังคับให้เราหัดคิดไปโดยอัตโนมัติ ทำให้งานเราดีขึ้น และที่สำคัญคือทำให้เราเขียนได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ ลองไปใช้กันดูนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนค่ะ 

แนะนำ resources 

  1. หนังสือ They say, I say ของ Graff & Birkensten นั้นถือเป็นคัมภีร์ของ academic writing เล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีหลาย edition แล้ว ครูม่อนเองก็ใช้ตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด (เป็นหนังสือที่ writing center แนะนำ) เล่มนี้ดีเพราะว่านอกจากจะให้ templates แล้ว ยังสอนวิธี rhetorical strategies ในการจัดระเบียบและนำเสนอความคิดอีกด้วย 
  2. Academic writing for graduate students: Essential tasks and skills by Swales & Feak ก็เป็นอีกเล่มที่ดี เล่มนี้ไม่ได้สรุป templates ไว้ต่างหาก แต่จะแทรกอยู่ในบทต่างๆตามชนิดของ essay แต่ข้อดีคือ ตัวอย่างเยอะ และอธิบายอย่างละเอียดว่าความแตกต่างของแต่ละประโยคเป็นอย่างไรค่ะ
  3. English for academic research: Writing exercises by Wallwork ดีตรงที่มีแบบฝึกหัดให้ทำเรื่อง sentence structure โดยเฉพาะ ซึ่งก็คือการหัดให้ writing templates นั่นเอง โดยจะเริ่มตั้งแต่ section 8.4 หน้า 142 เป็นต้นไปค่ะ แบบฝึกหัดที่ดีมากๆคือ การ evaluate literature เช่น comparing contrasting views และ comparing methodology เป็นต้น

Sources 

Barros, L. O. (2016). The only academic phrasebook you’ll ever need: 600 examples of academic language

Graff, G. & Birkensten, C. (2006). They say, I say: The moves that matter in academic writing. New York, NY: Norton & Company.

Hayes, M. L. (2008). Encouraging words: A sourcebook of words and phrases for dissertation and report writers. USA: Beckham Publications.

Swales, J. M. & Feak, C. B. (2012). Academic writing for graduate students: Essential tasks and skills (3rd ed). Ann Arbor, MI: The University of Michigan Press. 

Wallwork, A. (2013). English for academic research: Writing exercises. London: Springer

Download PDF สรุป Academic Writing Templates

    Powered By ConvertKit

    More To Explore