วันแรกที่มาถึงอเมริกา ตื่นเต้นไม่ใช่น้อย เพราะไม่เคยมาบอสตันเลยแถมคราวนี้ต้องมาคนเดียว (ได้แต่ภาวนาในใจว่า “โตแล้วนะ แค่นี้เรื่องเล็กน้อย”) แต่ม่อนโชคดีมากที่มีโฮสมารับถึงสนามบิน คือที่ฮาร์วาร์ดมีโปรแกรมต้อนรับนักเรียนต่างชาติดีมาก เราสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมเพื่อหาโฮสได้ โดยโฮสจะไม่ได้ดูแลเรื่องที่พักเหมือนAFS แต่จะช่วยเรื่องการปรับตัวในดินแดนต่างถิ่น เพื่อให้นักเรียนต่างชาติรู้สึกไม่โดดเดี่ยว ซึ่งก่อนมาเราก็จะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อเขาจะได้จัดคนที่มีความสนใจใกล้ๆกันให้ โฮสม่อนชื่อ Ruth อายุ 80 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงอยู่เลย เขาก็มารับที่สนามบินแล้วก็นั่งแท็กซี่ไปที่บ้านเขาก่อน ไปกินข้าวเช้า อาบน้ำ แล้วก็คุยกัน ซึ่งดีมากๆเลย หลังจากที่ต้องอยู่บนเครื่องบินมามากกว่า 24 ชั่วโมง
โฮสถามเรื่องการเมืองประเทศเราบ่อยมาก เพราะเขาเป็นคนสนใจเรื่องการเมือง แล้วเรื่องเมืองไทยก็ดังซะด้วยในตอนนี้ แอบอายนิดนึงที่ม่อนเองไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะเป็นคนไม่ค่อยสนใจการเมือง สงสัยวันหลังต้องมีความรู้เกี่ยวกับประเทศตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้
ม่อน สมัครหอของฮาร์วาร์ดไป ได้หอCronkhite เป็นหอของนักเรียน ปริญญาโทและเอก ซึ่งที่นี่เรียกว่า graduate students เรียกย่อๆว่า grad (ถ้าเป็นปริญญาตรีจะเรียกว่า undergraduate หรือ undergrad) ที่เลือกอยู่หอก็เพราะว่าเป็นคนขี้ เหงา อยู่หอจะได้เจอเพื่อนเยอะๆ ที่นี่ต้องบังคับกินข้าวที่หออย่างน้อย 10 มื้อต่ออาทิตย์ เพื่อให้ได้รู้จักคนในหอ ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะเราได้คุยกับคนที่มาจากต่างที่ เรียนต่างสาขา ต่างความสนใจ ทำให้ได้รู้จักโลกกว้างขึ้นอีกเยอะ
ที่หอนี้ทุกคน จะมีห้องเป็นของตัวเอง แต่ใช้ห้องน้ำรวม (ซึ่งถูกใจเราอยู่แล้วเพราะขี้เกียจล้างห้องน้ำ) ตรงlobbyมี แผนที่โลก ซึ่งไม่ธรรมดา เป็นแผนที่กลับหัว แทนที่อเมริกาจะอยู่ซีกโลกเหนือก็ไปอยู่ซีกโลกใต้ ประเทศไทยเราก็กลายเป็นขวานกลับหัวไป ซึ่งม่อนว่าเจ๋งดี แล้วเขาก็มีหมุดปักชื่อคนในหอว่าแต่ละคนมาจากที่ไหนบ้าง ทำให้ได้เห็นว่าหอเรานี่internationalจริงๆ
วัน ต่อมา ที่โปรแกรมมีนัดไปเที่ยวกัน มีสองโปรแกรมไปด้วยกันคือ Human Development and Psychology (HDP) และ Mind, Brain and Education (MBE) ซึ่งไม่ได้บังคับแต่เป็นการชวนไป เที่ยวเพื่อทำความรู้จักกันเฉยๆ วันนั้นก็มีประมาณห้าสิบคนได้มั้ง เราไปเที่ยว George’s Island ซึ่งต้องนั่งเรือไปประมาณครึ่งชั่วโมง
วัน นั้นอากาศร้อนเอาการอยู่ ไม่คิดว่าบอสตันก็มีอากาศร้อนกับเขาเหมือนกัน ม่อนดีใจมากๆที่ได้รู้จักเพื่อนทั้งจากอเมริกาและInternational สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ Harvard พยายามคิดเลือกคนเข้ามาเรียน โดยดูที่ความหลากหลาย แต่ละคนจะเรียนจบมาไม่เหมือนกัน มาจากต่างที่กัน มีเป้าหมายในชีวิตต่างกัน เหมือนที่เขาเขียนเอาไว้ตอนรับสมัครไม่มีผิดเลย
อีก อย่างที่สังเกตได้ก็คือ ไม่จำเป็นว่า international students ที่นี่จะเก่งภาษาอังกฤษเสมอไป ม่อนเองเคยคิดว่าคนที่ได้มาเรียนที่นี่คงต้องเก่งมากๆ พูดได้เหมือนเจ้าของภาษา (ซึ่งเราเองก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะ) แต่หลายๆคนก็ไม่ได้พูดเก่งภาษาอังกฤษเก่งมาก (แต่ม่อนมั่นใจว่าคะแนนสอบต้องได้เยอะชัวร์) ทำให้เราเองก็รู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมาเหมือนกันว่า “คน เราถึงแม้จะเก่งแค่ไหนก็ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และโลกนี้ก็มีที่ให้คุณได้เรียนรู้เสมอ”
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ม่อนภูมิใจมากก็คือ มีหลายคนชอบถามว่า เรียน undergrad ที่นี่(อเมริกา)หรือ พอม่อนบอกว่า เปล่า เรียนจากเมืองไทย เขาก็จะชมว่า ภาษาอังกฤษดีจัง ม่อนดีใจมากๆเลยล่ะ เพราะที่นี่นักเรียนต่างชาติหลายคน จบundergrad ที่อเมริกา แล้วค่อยมาต่อโท พวกนี้ภาษาเขาจะดีมาก เพราะเขาใช้มาสี่ปีแล้ว แต่เราเพิ่งมาไม่นานก็มีคนชม ก็เลยดีใจ แต่ยังไงก็รู้ว่าเราต้องฝึกอีกเยอะ เพื่อให้คล่องเหมือนเจ้าของภาษา