What to do when you feel like you are not making any progress? ทำยังไงดีเมื่อเรารู้สึกว่าภาษาอังกฤษเราไปไม่ถึงไหนเลย
มันเซ็งจริงๆใช่ไหมคะ เวลาที่เราตั้งใจทำอะไรแล้ว แต่ไม่เห็นจะก้าวหน้าไปไหนเลย อันนี้เป็นกันทุกคนแหละค่ะ แม้คนอื่นที่เราเห็นว่าเขาเก่งๆก็ต้องผ่านช่วงนี้ทุกๆคน
แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เรามีแรงพัฒนาภาษาอังกฤษต่อไป
– Take a real assessment of your skills. Are you really not making any progress?
ลองมาตั้งใจดูจริงๆว่าภาษาเราพัฒนาหรือเปล่า บางทีเราคิดไปเองนะคะว่าภาษาเราไม่ดีขึ้นเลย เพราะว่าเราอยู่กับตัวเอง ฝึกกับตัวเอง เราไม่เห็นว่าภาษาเราดีขึ้นทีละนิดๆ ลองถามตัวเองดูว่า “ปีนี้เราทำ ____ ได้ ปีที่แล้วเราทำได้ไหม?” เช่น ปีนี้หรือตอนนี้เราอ่านข่าวภาษาอังกฤษรู้เรื่องแล้ว ปีที่แล้วเราทำได้ไหม ลองถามตัวเองดูแบบนี้แล้วจะรู้ว่าจริงๆ ภาษาเราดีขึ้นนะ แต่เราไม่รู้สึกเอง อีกวิธีคือ ถามคนใกล้ตัวดู โดยเฉพาะครูหรือเพื่อน เขามักจะเห็นพัฒนาการของเราที่ตัวเองเราเองมองไม่เห็นค่ะ
– Review your goals and your WHYs.
เตือนตัวเองถึงเป้าหมาย และเหตุผลที่เราตั้งเป้าหมายไว้
ลองนึกถึงตอนที่เราตั้งใจว่าจะฝึกภาษาอังกฤษนะคะ เป้าหมายของเราตอนนั้นคืออะไร อะไรเป็นเหตุผล (WHY) ที่ทำให้เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ เช่น
Goal: To be able to read English books
WHY: Because I want to learn more about the world
Goal: To be able to converse in English fluently
WHY: Because I want to study abroad
Goal: To be able to write an essay
WHY: Because I want to ace the TOEFL test
ลองดูเป้าหมายและเหตุผลของตัวเอง จดเอาไว้แล้วกลับมาดูบ่อยๆโดยเฉพาะตอนที่ท้อ จะทำให้เรามีกำลังใจขึ้นค่ะ
– Rest and get refreshed พักแล้วกลับมาเริ่มใหม่
บางทีเราก็เหนื่อยจริงๆนะ พยายามมาเยอะแล้ว เหนื่อยมาก ถ้าเหนื่อยมากก็พักค่ะ ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วยนะ เพราะทุกคนต้องพัก ไม่มีใครทำงานหรือเรียนได้ตลอด พักให้หายเหนื่อยแล้วกลับมาเริ่มใหม่อย่างสดชื่นและมีแรงมากกว่าเดิม แต่ก่อนจะไปพัก ต้องตกลงกับตัวเองก่อนนะคะว่าจะพักนานแค่ไหน เช่น ตกลงว่าจะพักหนึ่งอาทิตย์ แล้วจะกลับมาฝึกภาษาอังกฤษต่อ ถ้าเราไม่ได้วางแผนไว้ก่อนว่าจะพักนานเท่าไหร่ละก็มันจะยาวเลยค่ะ กลับมาฝึกต่อยาก
– Forgive yourself ให้อภัยตัวเอง
การจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีการล้มเหลวมาก่อน ถ้าเราไม่ผิดพลาดไม่ล้มเหลวเลยแปลว่าเราไม่ได้พยายามทำอะไรเลยต่างหากค่ะ การที่เราล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องดีเพราะมันเป็นตัวบ่งบอกว่าเรากำลังพยายามทำสิ่งที่เรายังไม่เคยทำได้ ทุกคนที่เก่งภาษาอังกฤษมีช่วงที่ล้มเหลวกันทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือ ยอมรับว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นความล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จ ให้อภัยตัวเองและเริ่มใหม่ค่ะ
– Shake things up เปลี่ยนกิจกรรมบ้าง
เวลาเราทำอะไรซ้ำๆกันแล้วจะเบื่อก็ไม่แปลกนะคะ ลองเปลี่ยนดูบ้าง ถ้าเราเคยท่องศัพท์โดยวิธีการคัดศัพท์ ก็เปลี่ยนเป็นท่องจากเพลงดูบ้าง ถ้าเราอ่านหนังสือแล้วเบื่อ ก็ลองเปลี่ยนไปดูหนังบ้าง ถ้าฟังเพลงเบื่อแล้วก็อาจจะลองไปฟังpodcastบ้าง สลับไปสลับมา หรือแม้แต่เปลี่ยนแบบใกล้เคียง เช่น เคยอ่านmagazineเล่มนี้ ก็เปลี่ยนไปอ่านอีกเล่มนึงก็ยังได้ แค่ลองทำอะไรที่เราไม่เคยทำดูบ้าง เรียนภาษาง่ายกว่าเรียนวิชาอื่นเยอะมาก เพราะว่ามีสื่อหลากหลายให้เราเลือก
– Spend time with good role models
ใช้เวลากับคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษ
การมีตัวอย่างที่ดีนั้นช่วยในการเรียนได้มากๆเลยค่ะ ไม่ใช่แค่เทคนิคการเรียน แต่รวมไปถึงกำลังใจด้วย คนที่เป็นตัวอย่างทีดีนั้นจะเป็นใครก็ได้ค่ะ พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อน หรือแม้แต่คนมีชื่อเสียงก็ยังได้ ใครที่ทำให้เราเห็นว่าเราเองก็สามารถเก่งอังกฤษได้ ตัวอย่างที่มักจะให้กำลังใจเราได้ดีคือคนที่มีบางอย่างคล้ายๆเรา ตอนที่ครูม่อนสอนหนังสืออยู่ที่เมืองไทย นักเรียนเคยบอกว่าครูไทยเป็นแรงบันดาลใจให้ฝึกภาษาอังกฤษอย่างมากเลย ครูม่อนก็ถามต่อว่าแล้วครูฝรั่งไม่เป็นแรงบันดาลใจเหรอ นักเรียนบอกว่า ก็ครูฝรั่งเขาก็ต้องได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่ครูไทยหลายๆคน นักเรียนเห็นว่าเรียนโรงเรียนไทยเหมือนนักเรียนแต่ก็ยังเก่งภาษาอังกฤษได้ ทำให้นักเรียนรู้สึกว่าตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน นักเรียนอีกหลายคนก็บอกว่าเพื่อนหรือรุ่นพี่ก็เป็นตัวอย่างเป็นแรงบันดาลใจที่ดีเหมือนกัน ลองหาคนที่เป็นตัวอย่างในชีวิตเรานะคะ แล้วคุยกับเขา เรียนรู้จากเขาให้เยอะๆค่ะ และก็อย่าไปคิดว่าเราจะไปรับความรู้จากเขาอย่างเดียว การที่เราอยากเรียนรู้จากเขานั้นก็มักจะเป็นกำลังใจให้กับอีกฝ่ายด้วยเหมือนกัน
– Never give up อย่ายอมพ้
สุดท้ายคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม อย่ายอมแพ้ค่ะ ถ้าเราไม่ยอมแพ้ ไม่ช้าก็เร็วเราต้องประสบความสำเร็จแน่นอน