
กระบวนการจำในสมอง (Memory)
จะจำให้ได้ดี เราต้องเข้าใจเทคนิคการจำ Memorization techniques ซึ่งวิธีการจำในการเรียนภาษานั้นมีหลายวิธีด้วยกัน แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ ความจำ (memory) กันก่อนนะคะ
จะจำให้ได้ดี เราต้องเข้าใจเทคนิคการจำ Memorization techniques ซึ่งวิธีการจำในการเรียนภาษานั้นมีหลายวิธีด้วยกัน แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ ความจำ (memory) กันก่อนนะคะ
เวลาที่เด็กๆเรียนภาษาเนี่ยซับซ้อนกว่าที่เราคิดกันเยอะนะคะ ปกติเรามักจะเข้าใจกันว่าเด็กเล็กๆเรียนภาษาจากการที่ได้ฟังซ้ำๆจนรู้เรื่อง แต่ไม่ใช่ว่าเด็กๆจะแค่จำสิ่งที่ได้ยินเท่านั้น แต่ยังมีการสังเกตและจับรูปแบบของภาษา เช่น อย่างภาษาไทย เราพูดว่า “แมวสีขาว” “หมาตัวใหญ่” พอได้ยินหลายๆครั้งในหลายๆประโยค
วันนี้อ่านบทความวิชาการได้เรื่องน่าสนใจมาอันหนึ่ง คือ นักวิจัยพบว่ายังไม่มีหลักฐานอะไรที่มายืนยันว่าเด็กเรียนคำศัพท์ได้เร็วกว่าผู้่ใหญ่ ผู้เขียนกล่าวว่า ถ้าให้ผู้ใหญ่ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นภาษาใหม่ ได้ฟังได้พูดภาษานั้นตลอดเวลา เหมือนตอนที่เด็กๆเรียนภาษาแม่ ผู้ใหญ่ก็สามารถเรียนศัพท์ได้เร็วไม่แพ้เด็กๆเหมือนกัน แต่ที่เรามักจะคิดกันว่าผู้ใหญ่เรียนศัพท์ได้น้อย ก็เพราะว่าปกติแล้วพอเริ่มโตขึ้นมาหน่อย
เรามักจะคิดว่าเราเรียนเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ซะที แต่จริงๆแล้วเราลืมไปว่าเด็กๆต้องเรียนกันมากแค่ไหนกว่าจะจำได้ ตอนเรียนภาษาจีน ครูม่อนรู้สึกว่าจำตัวอักษรไม่ได้ซะที รู้สึกแย่มากๆ ลองถามเพื่อนๆคนจีนว่าตอนเด็กๆเขาเรียนกันยังไง จะได้ทำบ้าง เขาบอกว่าตอนประถม ตั้งแต่ปอหนึ่งถึงปอหกต้องเขียนตัวอักษรตลอด ทุกปีต้องจำให้ได้อย่างน้อยสองสามร้อยตัว
ช่างสังเกต ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรืออยู่เมืองไทย ถ้าเราช่างสังเกต เราจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะเลย แถมยังสนุกด้วย สังเกตป้ายตามถนน ป้ายโฆษณา มีภาษาให้เราเรียนเยอะแยะไปหมด ไม่ต้องตั้งใจเรียนก็ยังได้ความรู้ค่ะ
ถ้ารู้ด้วย common sense ว่าคนเก่งอีกด้านไม่จำเป็นต้องเก่งอีกด้านเสมอไป แต่เราก็ยังเชื่อว่าการเล่นปัญหาปริศนาจะทำให้เราฉลาดได้ ครูม่อนเองก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกันคะ ก็เล่นไปลับสมอง ก็น่าจะเก่งขึ้น การเล่นเกมส์ปริศนาบ่อยๆ จะทำให้เราเล่นเกมส์นั้น
ก่อนที่จะเฉลยปัญหาครั้งที่แล้ว ครูม่อนจะขอทวนความจำที่ได้เขียนแนะนำเรื่องผู้เชี่ยวชาญ(expert)และมือใหม่(novice)เอาไว้แล้ว การเรียนนั้นก็คือการเปลี่ยนจากมือใหม่ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยที่ความแตกต่างระหว่างมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญนั้น ไม่เพียงแต่ปริมาณความรู้้ในสาขาเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การจัดระบบข้อมูลในสาขานั้นๆด้วย สิ่งต่อมาที่เราต้องคำนึงถึงก็คือ transfer คือการนำเอาความรู้้ที่มีอยู่ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ (จะเป็นในสาขาหรือต่างสาขาก็ได้)
อีกตัวอย่างหนึ่งของความจำที่แตกต่างกันของคนเก่งกับคนเพิ่งเริ่ม ก็คือ เซียนหมากรุกคะ ถ้าถามว่าเซียนต่างกับคนเพิ่งเริ่มเล่นยังไง หลายๆคนก็อาจจะคิดว่า เซียนคงวางแผนไปไกลหลายตา กว่าคนที่เพิ่งเห็นเล่น แต่จริงๆแล้วมีคนศึกษาแล้วพบว่าเซียนก็ไม่ได้วางแผนไปไกลกว่ามือใหม่สักเท่าไหร่ แต่การจัดระบบความรู้ต่างกันคะ สำหรับคนที่เล่นเก่งแล้ว