fbpx

ก้าวข้ามPlateau

Share This Post

Share on email
Share on facebook
Share on twitter

หลายๆคนคงเคยรู้สึกว่าเรียนภาษาอังกฤษมาก็นานแล้วทำไมยังไม่เก่งสักที ครูม่อนคิดว่า ทุกๆคนเคยมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่ว่าตอนนี้จะเก่งหรือไม่เก่งยังไงก็ต้องมีท้อกันทุกคน

วันนี้อยากจะเขียนเกี่ยวกับ Learning trajectory ซึ่งก็คือเส้นทางความก้าวหน้า(หรือถอยหลัง)ของการเรียน ในที่นี้เราก็จะหมายถึงเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษ

การเรียนรู้ทุกๆอย่าง มีtrajectory ของมัน จะก้าวหน้า อยู่กับที่ หรือถอยหลังก็แล้วแต่เรา  วันนี้จะเน้นถึงเวลาที่เราท้อและรู้สึกว่าtrajectory ของเรามันอยู่กับที่ ไม่ยอมขยับไปไหนสักที

ครูม่อนอยากขอเล่าประสบการณ์ของตัวเอง คือ ตอนมอต้นเรียนภาษาอังกฤษไม่เก่งเลย พอมามอปลายเลยตั้งใจเรียนมาก ขยันมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ (คงคล้ายๆกับหลายๆคนที่ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่ขยันที่สุด) ตอนนั้นรู้สึกว่าภาษาเราพอได้ล่ะ ไปเที่ยวก็พูดได้ อ่านหนังสือได้ พอเข้าจุฬา เรียนหนักเลยไม่ค่อยได้สนใจหรือตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ก็ไม่เชิงหยุดใช้ภาษาอังกฤษไปเลยนะคะ ก็ยังดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่ แต่ไม่ค่อยได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ พอเจอคำที่ไม่รู้ก็ข้ามไป ไม่คิดจะสนใจหาว่ามันแปลว่าอะไร ใช้ยังไง ไม่ได้เรียนโครงสร้างประโยคระดับที่สูงขึ้น รู้สึกว่าตอนนั้น hit plateau คือ ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน อยู่กับที่ ภาษาไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง เป็นอย่างนั้นอยู่นานมาก หลายปีเลย นานๆทีก็จะพยายามตั้งใจเรียนนะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าภาษาเราดีขึ้น ก็เซ็งพอสมควรเลย ทำให้ค่อนข้างถอดใจแหละว่าภาษาเรามันคงจะดีได้แค่นี้ หรือไม่ก็ขี้เกียจว่าภาษาเราได้แค่นี้มันก็ดีพอแล้ว ไม่ต้องให้ได้เยอะกว่านี้หรอก

กว่าจะมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเรียน PhD ค่ะ ที่ทำให้ต้องกลับมาตั้งใจเรียนอีก (intentional learning) คอยจด vocab, phrases, sentence structure ที่คนอื่นใช้ในการเขียนงานวิจัย ต้องคอยสังเกตว่าคนอื่นเขาใช้tenseอะไรเขียน ใช้คำแบบไหน ใช้รูปประโยคแบบไหน ทำให้รู้สึกว่าภาษาเราดีขึ้นเยอะเลย

ครูม่อนอยากจะให้ทุกคนรู้จักกับคอนเซปสองอย่าง

Incidental learning คือ เรียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง พูดคุยกับฝรั่ง เป็นต้น

Intentional learning คือ เรียนอย่างตั้งใจ เช่น เรียนในห้อง เรียนพิเศษ ทำแบบฝึกหัด จดศัพท์ เป็นต้น

ในวงการเรียนภาษา เรารู้กันว่าภาษานั้นต้องมีการเรียนทั้งสองแบบทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ  ทั้งสองแบบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าเราเรียนแบบตั้งใจอย่างเดียว เรามักจะใช้ภาษาได้ไม่คล่อง ถ้าเรียนแบบไม่ตั้งใจอย่างเดียว เราอาจจะคล่องแต่ภาษามักจะผิด

ในเวลาที่learning trajectory ของเราอยู่กับที่ (plateau) นั้น เรามักจะลืม การเรียนอย่างตั้งใจไป เพราะในระดับนี้เรามักจะชินหรือไม่ก็ขี้เกียจแล้ว ฉะนั้นเราต้องไม่ลืมที่จะกลับมาเรียนแบบตั้งใจบ้าง เพื่อให้เราผ่านจุดนี้ไปได้

ครูม่อนพบว่าวิธีนึงที่ผลักดันให้เรากลับมาเรียนอย่างตั้งใจได้ดีมากๆ คือ การเขียน เพราะมันบังคับให้เราอ่านและฟังอย่างตั้งใน และยังบังคับให้เราสนใจ โครงสร้างภาษา เพราะว่าเราต้องเขียน ถ้าเราไม่สนใจโครงสร้างภาษาเราก็ไม่สามารถเขียนได้  ถ้าเราหัดพูดอย่างเดียวเราจะไม่ค่อยได้เรียนโครงสร้างภาษามากเท่าไหร่ เพราะว่าเวลาพูดนั้น ถ้าผิดนิดผิดหน่อยมันไม่เป็นไร ใช้น้ำเสียง ใช้ contextช่วยได้ แต่การเขียนนั้นต้องถูกเป๊ะๆคนอ่านถึงจะเข้าใจ

สรุปคือ ถ้าใครคิดว่าภาษาตัวเองพัฒนามาถึงจุดนึงแล้วแต่ไม่ยอมก้าวหน้าต่อสักที ลองฝึกเขียนดูนะคะ จะช่วยได้เยอะเลย แต่ที่สำคัญคือต้องมีคนให้ feedbackด้วยว่าเราเขียนดีไม่ดียังไง เราจะได้ไปหัดสนใจเรียนเรื่องที่เรายังขาดอยู่ค่ะ

More To Explore