คำว่า obsession (n) นั้นมักจะมีความหมายไปในทางลบ มักจะหมายถึงการหมกมุ่นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ทางการแพทย์มีโรค obsessive compulsive disorder หรือที่รู้จักกันว่า OCD ซึ่งก็คือการที่คิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไปจนควบคุมความคิดนั้นไม่ได้ ทำให้ส่งผลต่อการกระทำด้วย
แต่ถ้าobsession ในขนาดที่พอดีๆ ไม่กระทบต่อด้านอื่นๆของชีวิต (ครูม่อนขอเรียกว่า healthy obsession) ครูม่อนเห็นจากคนที่เรียนภาษาหลายๆคนว่ามันมีประโยชน์เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ครูม่อนมีเพื่อนที่ชอบละครและดาราไต้หวันมากๆ จนเป็นแรงผลักดันให้เรียนภาษาจีน จนตอนนี้เก่งคล่องไปเลย อีกคนชอบอาหารฝรั่งเศสมากๆ จนไปเรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อไปเรียนทำอาหารที่ฝรั่งเศส
ในงานวิจัยปริญญาเอกของครูม่อนเอง ครูม่อนทำการสัมภาษณ์นักเรียนมอปลายที่เมืองไทยมากกว่า 40 คน ครูม่อนพบว่าหลายๆคนที่เก่งภาษาอังกฤษนั้นใช้healthy obsession ให้เป็นประโยชน์ เช่น น้องวิวชอบซีรีส์ภาษาอังกฤษเรื่องนึงมากๆ ทำให้สนใจดาราเรื่องนั้นไปด้วย ทำให้ดูซีรีส์หลายๆรอบ หาข้อมูลติดตามซีรีส์เกือบทุกวัน ติดต่อกับแฟนคลับต่างประเทศ ทำให้เก่งทั้งreading, writing อีกคนคือน้องแก้ว ชอบเรื่องกล้องถ่ายรูปมากๆ ทำให้คอยติดตามกล้องที่ออกมาใหม่ๆ เฝ้าตามอ่าน review หรือดูYouTube แล้วก็มีนักเรียนผู้ชายหลายๆคนที่ติดเกมส์มากๆ เล่นทุกวัน แต่ไม่ได้แค่เล่นอย่างเดียว คืออย่างเล่นเก่งก็เลยต้องไปอ่านหาข้อมูลเพิ่มเติม ตามดูว่าคนต่างประเทศเล่นยังไง เข้าไปคุยไปถามในwebboard ซึ่งก็ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด อีกทั้งในเกมส์ก็ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับผู้เล่นคนอื่นด้วย จากงานวิจัยครูม่อนเจอนักเรียนหลายคนทีเดียวที่บอกว่าhealthy obsession เป็นจุดเปลี่ยนทำให้เก่งภาษาอังกฤษ
ทำไมหลายๆคนถึงบอกว่าhealthy obsession เป็นจุดเปลี่ยน?
เพราะว่าบางทีการเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทย ปกติแล้วเรียนเพื่อประโยชน์ในระยะยาว เช่น ได้งานดีๆ หรือได้ไปเรียนเมืองนอก แต่healthy obsession ทำให้เราได้ใช้ประโยชน์จากภาษาเดี๋ยวนี้เลย เป็นimmediate goal คือ เราอยากรู้เรื่องนี้ ก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย เป็นแรงจูงใจที่ดีมากๆ
ถ้าเราไม่มีเรื่องอะไรที่สนใจมากๆ จะทำยังไง?
ก็ต้องลองค่ะ ลองเปิดใจ ลองexploreหลายๆอย่างหลายๆเรื่อง
Expose yourself to something new. การลองอะไรใหม่ๆก็มีประโยชน์กับเราอยู่แล้ว ลองให้มันมาช่วยเรียนภาษาอังกฤษดู
ถ้าคิดว่าเรื่องที่เราสนใจไม่ได้เก่ียวกับภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ลองมองใหม่นะคะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจะมีข้อมูลในภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยเกือบทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่เกี่ยวกับเมืองไทยโดยตรง เช่น ประวัติศาสตร์ไทย เราก็ยังได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆถ้าเราศึกษาจากมุมมองของต่างชาติ
ลองดูนะคะ มาลองใช้healthy obsession ให้เป็นประโยชน์กับการเรียนภาษาอังกฤษกัน
ปล. แต่อย่าลืมว่าต้องจำกัดไม่ให้obsessionไปกระทบด้านอื่นของชีวิตนะคะ ต้องเป็นhealthy obsession คือในขนาดที่พอเหมาะ เดินทางสายกลางค่ะ