
ใช้ความรู้เก่ามาช่วยจำความรู้ใหม่ (Link method)
หลักของการจำอีกอย่างคือ การเชื่อมโยง (association) อย่างที่พูดถึงไปแล้วว่าการจำคือการสร้าง neural pathway (ทางเชื่อมระหว่างเซลล์ประสาท) การที่จะสร้างpathway ก็คือ การเชื่อมโยงข้อมูลใหม่กับข้อมูลเก่าหรือสิ่งที่เราจำได้อยู่แล้ว การที่เราเอาข้อมูลใหม่ไปเชื่อมกับสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วจะทำให้เกิดทางเชื่อมระหว่างข้อมูลเก่ากับข้อมูลใหม่ ที่นี้พอเราจะนึกถึงข้อมูลใหม่ เราก็เพียงนึกถึงข้อมูลเก่า แล้วเราก็จะเชื่อมไปสู่ข้อมูลใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น เราอยากจะจำคำว่า “implant” ที่แปลว่าปลูกถ่ายอวัยวะ เรารู้ว่า ‘plant’ แปลว่าต้นไม้ (ในกรณีที่เป็นคำนาม) หรือ ปลูกต้นไม้ (ถ้าเป็นกริยา)

เรียนภาษาอังกฤษ ท่องจำดีไหม (rote memorization)
วิธีจำที่เก่าแก่ที่สุดที่เราต้องพูดถึงก็คือ การท่องจำ (rote memorization) นั่นเอง วิธีนี้ใช้หลักการทำซ้ำๆ (repetition)คือ ท่องซ้ำๆจนจำได้ ไม่ต้องคิดมาก ท่องแล้วท่องอีก เดี๋ยวก็กลายเป็น long-term memory ไปเอง หลายๆคนบอกว่าถ้าท่องภาษาอย่างเดียว จะทำให้ใช้ภาษาไม่เป็น ซึ่งครูม่อนเห็นด้วยนะคะ แต่ว่าการท่องจำก็มีข้อดีของมันอยู่เหมือนกัน เราแค่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายเราเท่านั้นเองค่ะ การท่องจำเหมาะกับกรณีไหน อย่างแรกเลยคือ ตอนเริ่มเรียนใหม่ๆ เริ่มจากศูนย์เลย เช่น

กระบวนการจำในสมอง (Memory)
จะจำให้ได้ดี เราต้องเข้าใจเทคนิคการจำ Memorization techniques ซึ่งวิธีการจำในการเรียนภาษานั้นมีหลายวิธีด้วยกัน แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ ความจำ (memory) กันก่อนนะคะ ความจำมีสองระดับ คือ working memory กับ long-term memory Working memory คือ ความจำที่เราเอาไว้ใช้งานในขณะนั้น คล้ายๆเวลาเราใช้กระดาษทดนั่นแหละค่ะ working memoryมีจำกัด เหมือนเรามีกระดาษทดแค่แผ่นเดียว
อยากเก่งภาษาอังกฤษ เริ่มจากไหนดี?
ตอบตรงๆเลยนะคะ ก็เริ่มจากที่ที่เราอยู่นี่แหละ (start where you are) เพราะว่ามันเป็นที่เดียวที่เราจะเริ่มเรียนเริ่มฝึกภาษาอังกฤษได้อยู่แล้ว จะไปมัวแต่รอว่า ให้เราไปอยู่เมืองนอกก่อน ให้ว่างก่อน ให้สอบเสร็จก่อน ให้ฟังเก่งกว่านี้ก่อน มันก็จะไม่ได้เริ่มสักทีค่ะ ถ้าเรายุ่ง ก็เริ่มจากอะไรที่ใช้เวลาน้อยๆก่อน ถ้ายังไม่เก่ง ก็เริ่มจากอะไรที่ง่ายๆก่อน เริ่มจากเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำอยู่แล้วให้เป็นภาษาอังกฤษ (integrate English into your daily activities) ชีวิตประจำวันสมัยนี้แทบจะหนีไม่พ้นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว

คนที่เก่งอังกฤษมีความเชื่อแบบไหน (Mindset)
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนอะไรก็ตาม ความเชื่อทั้งเกี่ยวกับการเรียนและเกี่ยวกับตัวเอง ล้วนมีผลต่อความสำเร็จ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักconceptเกี่ยวกับความเชื่ออย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจและพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างมาก คือ Mindset ค่ะ Mindset คือ ความเชื่อเกี่ยวกับความฉลาดหรือความสามารถ มีสองแบบด้วยกัน 1. Fixed หรือ Stable mindset 2. Growth mindset Fixed mindset มองว่าความฉลาดเป็นสิ่งที่ fixed คือ เปลี่ยนแปลงไม่ได้

ตั้งเป้าหมายอย่างไรให้มีกำลังใจเรียนภาษาอังกฤษ
ตั้งเป้าหมายอย่างไรให้มีกำลังใจเรียนภาษาอังกฤษ (Performance and Process Goals) เป้าหมายของเอก จะสอบศัพท์ครั้งต่อไปให้ได้เต็ม เป้าหมายของเอม จะท่องศัพท์ 10 คำทุกวัน คิดว่าเป้าหมายแบบไหนที่มีผลดีต่อแรงจูงใจระยะยาวคะ (long-term motivation) ลองมาดูกันว่าเป้าหมายของเอกกับเอมมีผลต่อmotivation ยังไงบ้าง ถ้าตั้งเป้าหมายแบบเอก อาจจะทำให้ได้คะแนนดีได้ก็จริง แต่ถ้าสอบเสร็จแล้วก็ไม่แน่ว่าจะยังอยากเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษต่อ หรือว่าวิธีการท่องศัพท์อาจจะท่องเอาแค่ให้สอบได้ดี แต่ไม่ได้ท่องแบบที่เอาไปใช้ได้จริง ส่วนเป้าหมายของเอมนั้นมีผลต่อแรงจูงใจในระยะยาวมากกว่า เพราะว่าอะไรเรามาดูกันค่ะ ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกับเป้าหมายสองแบบ