ความคาดหวัง
บางครั้งความคาดหวังนั่นแหละเป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์ เราคาดหวังให้ตััวเองเป็นสิ่งที่เองไม่ได้เป็น เราคาดหวังให้คนอื่นเป็นอยากที่เราอยากให้เขาเป็น เราคาดหวังให้อะไรๆเกิดขึ้นอย่างที่เราต้องการ แต่บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรทำก็คือ “การยอมรับ” นั่นเอง
ทำแล้วทำไม่ได้ ดีกว่าไม่ได้ทำ
บางทีสิ่งที่เราคิดว่ายากหรือเป็นไปไม่ได้ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนเรามักจะตั้งกำแพงขวางหน้าตัวเองไว้ ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดมา แล้วเราก็มาคิดเอาเองว่าสิ่งที่เราอยากทำนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ทั้งๆที่จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ แต่ตัวเราเองนั่นแหละที่เอาสิ่งรอบตัวมาเป็นกำแพงกั้นตัวเองไม่ให้ไปถึงสิ่งที่เราฝันไว้ ถ้าคนอื่นบอกว่า เราไม่ได้เตรียมตัวพอ แล้วไง? คนอื่นบอกว่าเราไม่มีพรสวรรค์ แล้วไง? คนอื่นบอกว่าเขายังทำไม่ได้ แล้วไง? ถ้าเรายังไม่ได้ลองแล้วจะรู้หรือว่าเราทำได้หรือไม่ได้ หลายๆครั้งที่เวลาผ่านไปแล้วเราคงย้อนกลับมาคิดว่า สิ่งที่เราเคยคิดว่ายากๆน่ะ จริงๆแล้วก็ไม่ได้ยากสักหน่อย ทำไมตอนนั้นเราไม่ได้พยายามนะ? สิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้น่ะ เรายังไม่เคยทำทั้งนั้น ทำให้เต็มความสามารถก่อนแล้วค่อยสรุปว่าเราทำไม่ได้จะดีกว่าไหม? เมื่อเราโตขึ้นแล้วจะรู้เองว่า “ทำแล้วทำไม่ได้ ดีกว่าไม่ได้ทำ” แ
ประสบการณ์ คือ ไฟส่องให้เราเข้าใจชีวิตที่ผ่านมา
การจะรู้ว่าเราจะเรียนอะไร ชอบอะไร อยากทำอะไร คงไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็จะตัดสินใจขึ้นมาได้ หรือว่าจะให้คนอื่นมาชี้นิ้วบอก ไม่ว่าพ่อแม่ ครูอาจารย์ ก็ไม่มีใครรู้จักตัวเราดีกว่าเราเอง แต่ว่าเราเองก็มักจะบอกตัวเองว่า เราไม่รู้จักตัวเองดีพอ อยากให้คนอื่นมาบอกเราว่าทำอย่างไรถึงจะดีที่สุด ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้หรอก แต่เป็นเพราะว่า เราไม่อยากตัดสินใจ เรากลัวผิด เราจึงโยนให้คนอื่นตัดสินใจ เพราะถ้าผิดแล้ว เราก็จะได้โทษเขาได้ หรือไม่ก็เราจะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบทีหลังเวลาชีวิตเรามันไม่รุ่งอย่างที่ควรจะเป็น การที่จะเลือกทำสิ่งที่เราอยากทำจริงๆเป็นสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่น้อย เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่หวังไหม ถ้าเกิดเราเลือกแล้วมันไม่เป็นอย่างที่หวังล่ะ เราต้องรับผิดเต็มๆเลยนะ? ไปโทษใครไม่ได้…..
ภาษาอังกฤษกับidentity
Seminarที่เมืองจีนวันนี้เราคุยกันเรื่องบทบาทของภาษาอังกฤษในฐานะของภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ที่มีต่อความเป็นตัวตนของเรา(identity) ได้คุยกับเพื่อนๆนักวิจัยจากหลายๆประเทศพบว่ามีมุมมองที่คล้ายๆกันตรงที่ว่า ในประเทศตัวเองนั้น การที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี จะมีผลต่อความเป็นตัวตนด้านสถานะทางสังคม เพราะมีผลทำให้ได้งานที่ดีขึ้น ดูมีการศึกษามากขึ้น ในบางประเทศจะถือว่าดูเป็นผู้ดีขึ้นมา ว่างั้นเถอะ ถือเป็นการยกระดับสถานะ ซึ่งในบางประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่จริงๆเช่น ประเทศในแอฟริกาบางประเทศมีภาษาท้องถิ่นเป็นภาษาราชการด้วย แต่การศึกษาระดับมัธยมกับอุดมศึกษาจะใช้แต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ทำให้เป็นการแยกระดับสังคมไปเลย แต่ในประเทศเรา จะไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น อีกจุดหนึ่งที่ครูม่อนคิดว่าครูม่อนส่วนตัวเห็นว่าสำคัญคือ ภาษาอังกฤษช่วยให้แสดงความคิดเห็นและแสดงอารมณ์ได้ง่ายขึ้น ในฐานะที่โตมากับสังคมเอเชีย รู้สึกว่าเวลาจะแสดงออกความเห็นต่อผู้ใหญ่ หรือแสดงอารมณ์รู้สึกว่าไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ในขณะที่พอเริ่มใช้ภาษาอังกฤษได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ จะชินในการแสดงความเห็นด้วยภาษาอังกฤษมากกว่า เพราะในสังคมฝรั่งมีวัฒนธรรมในการแสดงความเห็นและแสดงอารมณ์ต่อผู้ใหญ่และต่อคนอื่นโดยภาษาอังกฤษเยอะ ทำให้เราชินในการใช้ภาษาอังกฤษ
คนจีนขยันเรียนภาษาอังกฤษ(มาก)
ที่ประทับใจมากๆเวลาไปแวะเวียนร้านหนังสือที่เมืองจีน ก็คือ เห็นได้ชัดเลยว่า คนจีนเขาขยันกันมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าคนจีนจะบอกว่าตัวเองไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งจะว่าไปก็อาจจะจริง ในส่วนที่ว่าเขาไม่กล้าใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ไม่กล้าพูดไม่กล้าคุย แต่ถ้าเรื่องอ่านเรื่องเขียนแล้วล่ะก็เขาเก่งมากทีเดียว ให้อ่านบทความยากๆหนังสือยากๆเขาทำได้แทบจะเหมือนเจ้าของภาษาเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนนักศึกษาบ้านเรายังทำไม่ได้ หลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเขาขยันก็คือ เวลาไปร้านหนังสือ จะเห็นหนังสือสองภาษา เยอะมากๆ ย้ำว่าเยอะมากจริงๆ แล้วก็วางอยู่ตรงกลางร้านที่ที่คนซื้อหนังสือเยอะๆด้วย ไม่ใช่ไปหลบๆอยู่ตามซอกเหมือนบ้านเรา เขามีทุกรูปแบบเลย ไม่ว่าจะเอาหนังสือคลาสสิก หนังสือร่วมสมัย หนังสือใหม่ๆ ประวัติบุคคลสำคัญ บทความนิตยสาร หรือแม้แต่ข่าวจากThe
วันสตรีสากล
เมื่อวานวันที่8 มีนาคมเป็นวันสตรีสากล ซึ่งหลายๆคนก็คนทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ที่ครูม่อนแปลกใจก็ คือ เพิ่งทราบจากเพื่อนร่วมชั้นที่เมืองจีนหลายๆคนว่าในหลายๆประเทศ วันสตรีสากลนี้ เป็นวันหยุดราชการด้วย เช่นในประเทศคาซัคสถาน มองโกเลีย ยูเครน รัสเซีย หรือ แม้แต่ ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ทำให้สงสัยจังเลยว่า ทำไมเรื่องนี้ในประเทศของเราถึงไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่เลย แต่ในอีกแง่หนึ่ง เวลาคิดถึงสิืทธิของผู้หญิงไทยเทียบกับผู้หญิงในหลายๆประเทศแล้วก็ถือว่าค่อนข้างดีไม่ใช่น้อย ไม่ค่อยจะได้ยินคนไทยบ่นว่าไม่ได้งานเพราะเป็นผู้หญิง ต่างกับที่จะเคยได้ยินบางประเืืืทศบ่นให้ฟังมาบ้าง รู้สึกว่าดีใจที่เกิดมาเป็นผู้หญิงไทย อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เลือกทำตามเสียงหัวใจค่ะ