กว่าจะเก่งได้หนทางอีกตั้งยาวไกล แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว มีอะไรต้องทำอีกเยอะ ไม่มีเวลา ยังไงก็ทำไม่ทัน อยากจะเก่ง writing แต่สายไปแล้ว เวลาไม่พอ
เป้าหมายสามารถตั้งได้สองแบบด้วยกัน Outcome goals คือ ผลลัพธ์ที่อยากได้ Action goals คือ การกระทำของเรา ปกติแล้วเรามักจะตั้งเป้าหมายกันโดยเน้น
ความผิดพลาดอันนึงที่ครูม่อนทำก็คือ หยุดเรียนเพิ่มตอนที่ภาษาอังกฤษดีแล้วในระดับนึง ตอนนั้นก็คือตอนที่อยู่จุฬา คือตอนที่อยู่มอปลายตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษมาก พลิกจากห่วยเป็นเก่งเลย แต่พอเข้าจุฬาได้แล้ว ก็ไม่ค่อยได้เรียนเพิ่ม ก็เรียนหมอก็ยุ่งด้วย แต่จริงๆคือ รู้สึกว่าไม่รู้จะเรียนเพิ่มไปทำไหม
ถ้าอยากจะเก่งอังกฤษ ต้องสร้าง identity (ความเป็นตัวเรา) ว่าเราเป็นคนชอบเรียนภาษาอังกฤษ Identity เป็นคอนเซ็บที่ซับซ้อน แต่เอาง่ายๆในที่นี้ว่าหมายถึง ความเป็นตัวเรา นั่นเอง
เทอมนี้คิดอยู่นานมากว่าจะลงเรียนวิชาอะไรดี สุดท้ายได้ไปลงวิชาที่ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไปเรียน (ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึึงได้ไปลงเนี่ย อย่าไปพูดถึงมันเลยนะ) ลงไปแล้วที่มหาวิทยาลัยก็ให้เวลาสองอาทิตย์ในการตัดสินใจ ถ้าจะดร็อปก็ดร็อปได้โดยไม่ติด W วิชานี้เป็นวิชาที่เราสนใจนะ แต่เราไม่มีพื้นฐานอะไรสักนิดเลย บางเรื่องคุยกันในห้องแล้วเราก็แทบจะไม่รู้เลยว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่
ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ว่า จากหนึ่งถึงร้อย เราทำได้เท่าไหร่ คนที่เดิมเขาทำได้เก้าสิบห้าอยู่แล้ว พอทำได้ร้อย ก็มีคนยกย่องเต็มไปหมด แต่ในใจ ได้รู้สึกไหมว่าเป็นความสำเร็จ ถ้าเราเริ่มจากศูนย์ ไม่เคยมีใครคิดว่าจะมีปัญญาทำได้มากกว่าครึ่ง
บ่อยครั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ทำให้เราหลงลืมไปว่าความสุขและความสำเร็จที่แท้จริงมาจากไหนกันแน่ เคยอยู่หรอกที่เราตั้งใจทำให้ดีที่สุด ด้วยความหวังที่จะให้ตัวเองเก่งขึ้น เป็นคนดีขึ้น มีความสุขขึ้น โดยไม่ได้จะไปเปรียบเทียบกับใคร แต่หลายๆครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมันตอกย้ำให้เราเชื่อมั่นว่า ถ้าเราไม่ได้ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น